มนุษย์ Vs เครื่องจักร: อินเดียกำลังเผชิญปัญหาเรื่องการจ้างงาน การนำเครื่องจักรมาใช้แทนคนในอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้ต้องลดคนงาน
ประเทศที่กำลังเติบโตเร็วที่สุดประเทศหนึ่งกำลังต่อสู้กับวิกฤติในงาน อุตสาหกรรมชั้นนำบางแห่งที่สร้างตำแหน่งงานเป็นล้านๆ ตำแหน่งกำลังปลดคนงาน!!!!
ก่อนหน้านี้อินเดียถือว่าเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบด้านแรงงานสูงมากเพราะประชากรใช้ภาษาอังกฤษได้ดี มีความรู้ ในขณะที่ค่าจ้างยังไม่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นๆ ทำให้หลายบริษัทเข้าไปลงทุนและเกิดมีการจ้างงานทำให้ตลาดแรงงานคึกคักพอสมควร โดยเฉพาะด้าน IT และการผลิตรถยนต์
ต่อมามีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาทดแทนแรงงาน เริ่มจากงาน IT ตำแหน่งวิศวกรถูกปลดจำนวนมากจนกระทบถึงอุตสาหกรรมทางการเงิน มาตอนนี้ปัญหาลามมาถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งมีการนำเครื่องประกอบรถยนต์มาใช้แทนแรงงานคนและเริ่มมีการปรับโครงสร้างองค์กร
ว่ากันว่าภายในปี 2564 จะมีงาน 4 งานในทุกๆ 10 งานบนโลกหายไปเพราะการนำเอาเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์มาแทนที่ ซึ่งธนาคารโลกได้ประมาณการว่าจะมีงานในอินเดียกว่า 69% ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงนี้
ไอที อุตสาหกรรมไอทีของอินเดียมูลค่า 150 พันล้านเหรียญสหรัฐได้เผชิญหน้ากับปัญหานี้แล้ว มีการนำเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ ซึ่งสามารถทดแทนผู้ที่มีทักษะความสามารถระดับมืออาชีพได้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงนี้ได้แก่คนที่มีความเชี่ยวชาญระดับกลาง เนื่องจากเกิดการแย่งงานกัน ตำแหน่งต่างๆ มีความซ้ำซ้อน ในขณะที่คนใหม่ๆ เข้ามาแย่งงานคนในตำแหน่งเดิมอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างบริษัท Cognizant and Infosys ก็ได้ปลดพนักงานแล้วกว่า 15,000 ตำแหน่ง
การเงิน การปลดพนักงานไอทีจำนวนมากทำให้เกิดการซบเซาทางด้านการเงินด้วย พบว่าจำนวนพนักงานธนาคาร HDFC ซึ่งเป็นผู้ให้กู้เอกชนรายใหญ่ที่สุดของอินเดียลดลงกว่า 16,000 คนในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2559 ถึงเดือนมีนาคม 2560 เป็นผลกระทบมาจากจำนวนการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิตอลแทนเค้าท์เตอร์ธนาคารที่สูงขึ้น
การผลิต สำหรับภาคการผลิตนั้น ต่อให้ไม่มีการนำปัญญาประดิษฐ์หรือเทคโนโลยีเข้ามาใช้ก็ต้องมีการปรับโครงสร้างและลดจำนวนคนลงเพื่อความอยู่รอด เดือน พฤศจิกายน ปี 2559 CFO ของ Larsen & Toubro (L&T) บริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดได้ประกาศว่ามีการลดตำแหน่งงานลงถึง 14,000 ตำแหน่งตั้งแต่เดือนกันยายน 2559 แล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ Tata Motors เองก็ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 23 เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาว่าได้ปรับลดพนักงานระดับจัดการไปถึง 1,500 ตำแหน่งจาการปรับโครงสร้างองค์กร และใน 6-9 เดือนต่อจากนี้ก็ยังคงมีการปรับโครงสร้างต่อซึ่งจะมีอีกหลายตำแหน่งที่ถูกตัดออกไป
ถึงแม้จะมีการปรับโครงสร้างและลดจำนวนคนลงมากจนน่าใจหายก็ยังมั่นใจได้อยู่ว่าแรงงานคนจะยังไม่ถูกทดแทนด้วยเครื่องกลทั้งหมดในเร็วๆ นี้ เพราะการผลิตยังต้องพึ่งแรงงานคนอยู่ และแม้จะเกิดการสะดุดจากการปรับโครงสร้างบ้างแต่สุดท้ายแล้วจะปรับตัวได้
เหตุการณ์ที่เกิดในอินเดียนี้น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่ดี ซึ่งอีกไม่นานเหตุการณ์แบบนี้ก็จะเกิดขึ้นกับอีกหลายๆ ที่แน่นอน และที่สำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งบนโลกย่อมส่งผลกระทบต่อๆ กันไป
Leave a Reply