เรื่องที่ฉันก็ไม่เข้าใจ
1 ) ห้อง 409 ~ ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เมื่อสมัยเข้ามาเรียนมหาลัยใน กทม. ใหม่ ๆ ยังเป็นเฟรชชี่ ตอนนั้นเช่าหอพักหน้ามหาลัย อยู่ห้อง 409 กับเพื่อนคณะเดียวกัน สมมติว่าชื่อแนนละกัน คือแนนเค้าชอบบอกว่ามีซิกซ์เซ้นส์ ไอ้เราก็เป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้แต่ก็ไม่ขัดเวลาแนนเล่าว่าได้ยินเสียงแปลก ๆ ในห้อง บางทีแนนตะโกนออกมาจากห้องน้ำเหมือนขานรับใคร เช่น
“อยู่ในห้องน้ำ”
“อยู่นี่”
“เข้าห้องน้ำอยู่”
ซึ่งเราไม่ได้ได้ถาม พอนางออกมาจากห้องน้ำก็จะถามเราว่า
“แกเรียกเรารึเปล่า?”
คือแน่นอนว่า
“ไม่”
บ่อยครั้งจะได้ยินเสียงคนเคาะประตูหน้าห้อง ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! แต่พอเปิดออกไปแล้วไม่มีใคร ซึ่งแนนก็จะขนลุกตลอด ทำหน้าเลิ่กลั่ก แต่ฉันคิดอีกแบบนะ คือที่หอพักมันมีขโมย มีโอกาสสูงมากที่ขโมยจะสุ่มเคาะตามห้องเพื่อแอบดูว่ามีใครมาเปิดมั้ย ถ้ามีคนมาเปิดแสดงว่ามีคนอยู่ก็จะไม่งัดห้องเข้ามางี้
แต่บางทีดึก ๆ ที่ปิดไฟนอนแล้วก็มีบ้างได้ยินเสียง ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
แนน “แก…..”
ฉัน “ขโมยแหละ เช็คตามห้อง แกเปิดไฟสิ”
เป็นแบบนี้เรื่อย ห้องเราเลยเปิดไฟเล็ก ๆ ตรงหัวเตียงเวลานอนเผื่อว่ามองจากด้านนอกผ่านบานเกล็ดมาจะเห็นแสงบ้าง จะได้ไม่ต้องมาเคาะเช็คแล้วลุกไปเปิดให้เสียเวลานอน
ความที่ระเบียงห้องของเราอยู่ตรงกันกับอีกหอพักนึงที่เพื่อนคณะเดียวกันเช่าอยู่ เวลาเจอหน้าก็มีทักทายกันบ้าง วันหนึ่งเดินกลับมาจากคณะพร้อมแนนเจอเพื่อนเดินสวนมาจากทางหอพัก
เพื่อน “อ้าว ไม่ได้อยู่ห้องเหรอ ตะกี้เห็นเดินออกจากห้องน้ำ” (หอพักจะเป็นแบบห้องน้ำอยู่ตรงระเบียง)
ฉัน “เห้ยยย เพิ่งมาจากคณะ หรือใครเข้าไปรื้อของมั้ยรึเปล่า”
ตอนนั้นแนนกระโดดเกาะแขนเราแน่นหน้าเครียด เลิ่กลั่ก

ก็จะมีเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้ง เวลาเพื่อนทักก็จะเช็คข้าวของในห้องทุกครั้งว่ามีใครแอบมารื้อของมั้ย ส่วนใหญ่พวกเราไม่ได้เก็บอะไรมีค่าไว้อยู่แล้ว เต็มที่ก็มีเครื่องสำอางค์ที่ได้มาจากเมืองนอกเยอะหน่อย
นี่ก็เริ่มรำคาญแนน มันจะอะไรเยอะนัก นั่นก็กลัว นี่ก็ขนลุก เดี๋ยวหูแว่ว เดี๋ยวสะดุ้ง บางวันแนนถึงขั้นเห็นภาพหลอน เหมือนหางตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงในห้อง หรือคนเดินตรงระเบียงเข้าห้องน้ำไป บางทีแนนบอกมีคนยืนอยู่ด้านนอกประตูเพราะแนนเห็นเงาตรงช่องว่างประตูแต่พอเราไปส่องดูก็ไม่มีนะ
หนักหน่อย บางวันแนนตื่นมาเหมือนคนไม่ได้นอนแล้วบ่นว่าอึดอัด นอนไม่ได้ ชอบฝันว่ามีคนมายืนปลายเตียงมั่ง นั่งห้อยขาอยู่บนตู้เสื้อผ้ามั่ง (ห้องเราเป็นแบบ 2 เตียงแล้วตู้เสื้อผ้าอยู่ตรงปลายเตียงแนนพอดี)
หรือแนนจะเสพยา?!! ฉันเริ่มระแวงเพื่อน
2) มานี่สิ จะให้ดูอะไร
อยู่มาซักพัก ที่คณะก็จัดไปเที่ยว จริง ๆ คือไปรับน้องนั่นแหละ ที่สุดฮิตที่ชอบไปกันก็กาญจนบุรี ที่พักจะเป็นรีสอร์ตติดป่าจะได้ตั้งซุ้มกันสะดวก ๆ
ตอนไปพักไม่มีอะไร ทำกิจกรรมเสร็จฉันก็เข้าไปช่วยเค้าทำความสะอาด เก็บซุ้ม ตอนเก็บเค้าก็เก็บกันแค่ขยะกับอุปกรณ์อะไรกับแต่พวกเชือกฟางที่ผูกไว้กับต้นไม้นี่ไม่แกะออกกันเลย คือแกะออกแหละแต่ไม่หมดยังเหลือ ๆ
ความรักต้นไม้ก็ไม่อยากทิ้งเชือกไว้แบบนั้นเพราะกลัวจะรัดต้นไม้ตาย ถึงจะเป็นแค่เชือกฟางก็ไม่อยากทิ้งไว้ก็พยายามดึง ๆ แกะ ๆ ในใจก็บอกต้นไม้ว่าจะช่วยเอาออกให้นะคะ ขอบคุณที่ให้ใช้สถานที่นะคะ มั่นใจว่าเอาออกหมดแล้วก็กลับที่รีสอร์ท
รุ่งเช้าเดินทางกลับมหาลัย เรากับแนนมาถึงห้องตอนบ่ายแล้ว การนั่งรถนาน ๆ นี่ทั้งน่าเบื่อทั้งเพลียมาก พอถึงห้องเราทั้งคู่น้ำท่าไม่อาบ นอนไปทั้งอย่างงั้นตั้งแต่บ่าย น่าเป็นช่วงหัวค่ำที่เราเริ่มรู้สึกตัวอยากจะลุกไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย
มั่นใจว่าลืมตา ไม่ได้หลับฝันไป หรือมีอาการผีอำแบบทางวิทยาศาสตร์อะไรทำนองนั้นแน่ ๆ

มีคนประมาณ 10 คน เป็นเงาดำ ๆ มองไม่เห็นหน้าตายืนล้อมเตียงเราอยู่ ไม่พูดไม่จายืนอยู่อย่างนั้นซักครู่ เราขยับไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้อึดอัดเหมือนในหนังที่เวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วจะอึดอัดหายใจไม่ออก แค่ขยับไม่ได้ แล้วจู่ ๆ ทำไมก็ไม่รู้ แว้บขึ้นมาในหัว เป็นภาพต้นไม้ในป่าที่เราไปทำซุ้มรับน้องกัน จำนวนเงาที่ยืนอยู่ตรงนี้พอ ๆ กับจำนวนต้นไม้ที่เราแกะเชือกเลย

หนึ่งในเงาที่อยู่รอบเตียงบอกฉันว่า
“มานี่สิ จะให้ดูอะไร”
แล้วได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยบอก
“มานี่สิ ๆ “
“มีอะไรให้ดู”
แบบหลายเสียงแทรกไปมา
แล้วก็เหมือนมีใครจับมือเราลุกขึ้น ตอนที่ลุกขึ้นไม่ได้รู้สึกเหมือนลุก เหมือนลอกออกมาจากที่นอนมากกว่า คือสเต็ปปกติคนเราจะลุกขึ้นนั่ง ยันตัวเองเอาขาลงพื้นแล้วค่อยยืน แต่นี่แบบจากหัวบนหมอนขยับไปทางด้านปลายเท้าเลย แล้วก็ขยับต่อไปจนปลายเตียง ขยับต่อจนจะถึงผนังห้องตรงปลายเตียง ตอนนี้เอะใจ หันกลับไปมองที่เตียง
ตัวฉันยังนอนอยู่ตรงนั้น! บนเตียง!
เงาทั้งหมดพยายามดึงเราออกไป จนเราค่อย ๆ จมเขาไปในผนังห้องที่อยู่ปลายเตียง เสียงพวกเค้ายังดังแทรกไปมาเป็นระยะ
“มานี่สิ จะให้ดูอะไร”
“มานี่สิ จะให้ดูอะไร”
“มานี่สิ จะให้ดูอะไร …”
ตัวฉันที่นอนอยู่บนเตียงเหมือนคนหลับปกติทั่วไปกับตัวฉันที่กำลังโดนดึงเข้าไปในผนังยังไม่แยกขาดจากกัน ปลายเท้าข้างนึงยังเชื่อมกันอยู่แต่เหมือนจวนจะหลุดแล้ว ตัวฉันที่กำลังจมหายไปนี้เหมือนยืด ๆ ได้ เพราะระยะจากปลายเตียงถึงผนังก็ประมาณเกือบ 2 เมตร
ตอนนั้นตัดสินใจสะบัดแขนสุดแรงเกิด แล้วคิดในใจดัง ๆ ว่า
“ไม่ไป!!!”
“ขอไม่ดูนะคะ อย่าทำอย่างนี้เลย”
“อย่าทำให้ตกใจเลย”
ลืมแล้วว่าตอนนั้นแผ่เมตาหรือสวดมนต์อะไรรึเปล่า แต่ก็สะดุ้งเฮือก เพราะวูบกลับมาที่เตียง แล้วก็ค่อย ๆ เหลือบซ้ายแลขวา จับตัวจับแขนตัวเอง เอาให้ชัวร์ว่าตอนนี้อยู่บนเตียงจริงรึเปล่า หันไปดูแนน นางก็ดูหลับสนิทดี พอไม่มีอะไรเราก็นอนต่อ แถมหลับไปอย่างเร็วเหมือนวูบไปเอง
เช้าวันถัดมา เห็นแนนนั่งหันหลังกุมขมับอยู่บนเตียง
ฉัน “ตื่นเช้าเลยนะ เมื่อคืนหลับสนิทเลยสิ”
แนน “ไม่อะ เมื่อคืนฝันว่ามีผู้หญิงนั่งห้อยขาบนตู้เสื้อผ้า แล้วเดินมาที่เตียงแนน…”
“เราตะโกนเรียกแก แต่แกไม่ได้ยิน แกหลับสนิทเลย”
“แล้วเมื่อคืน เค้าเดินมาดึงขาแนน กระชากไปกระแทกตู้เสื้อผ้า พอตื่นเช้ามาก็ปวดหัวเลยอะ”
แนนเอามือที่กุมหัวลงแล้วหันมาหาเราที่ยังนอนอยู่ โห ยังกะในหนัง เราดีดตัวลุกขึ้นนั่งเพราะตกใจสภาพแนน หน้าแนนม่วงไปแถบนึง ตรงหน้าผากโนเหมือนโดนของแข็งกระแทก
ฉัน “แนนนนนนน!!!” “แกดูกระจกรึยัง!!!”
แนนลุกไปส่องกระจกแล้วทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี วันนั้นเราไม่ได้คุยอะไรกันเลย แต่ก็รู้กันว่าคงต้องย้ายแล้วเถอะ
ไม่ว่าที่ผ่านมา แนนจะพี้ยารึเปล่า หรือแนนสัมผัสอะไรได้จริงก็ตาม เราไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อแล้ว จากที่แค่เล่าว่าเห็นหรือรู้สึกว่ามี มันกลับกลายเป็นว่ามีผลกับร่างกายแล้วก็ชีวิตเราจริง ๆ แล้ว
หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจย้ายหอ แล้วฉันก็ขอแยกกับแนนด้วยเพื่อความสบายใจ
จากที่คุย ๆ กันอยู่บ้าง แนนยังคงเจอเรื่องราวต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนเราไม่มีเลย
นั่นแหละค่ะ เป็นเรื่องที่จนป่านนี้ก็ไม่เข้าใจ สรุปมันคืออะไร?

Leave a Reply